วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

ทำอาหารกินเอง -- ไอศรีม

วันนี้อยากนำเสนอเมนูดับร้อนตอนปลายเดือนเมษา จากประสบการณ์แล้วอากาศยังคงร้อนไปอีกนานหลายเดือนเลย  ดังนั้น...เราต้องหาทางหาของกินเพื่อความเย็นท้องของเรากันค่ะ

ถ้าพูดถึงเมนูของหวานต้านทานอากาศร้อนอันเป็นที่นิยมทุกเพศทุกวัยคงต้องเลือก ไอศครีมหรือไอติมล่ะค่ะ ปกติเราคิดว่าการทำไอศครีมเป็นเรื่องยาก ไม่มีเครื่องปั่นไอศรีมไม่มีโน่นนี่นั่น แล้วก็อาจจะไม่อร่อยเหมือนอย่างที่ซื้อตามร้านทั่วๆไป แต่พอลองหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและได้ทดลองทำแล้ว ก็พบว่ามันไม่ยากเกินไปเลยค่ะ
ไอศครีมชาเขียวกับไอศครีมถั่วแดงไม่มีที่ตักไอศครีมก็เลยใช้ช้อนปั้นๆเอา

สำหรับสูตรไอศครีมที่ทำเองง่ายๆนี้ เป็นไอศครีมนม ทำโดยอาศัยการแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นแล้วหมั่นขูดเนื้อไอศรีมบ่อยๆก็จะทำให้ได้เนื้อไอศรีมที่เนียนขึ้น แต่อาจจะไม่ละเอียดเท่ากับใช้เครื่องค่ะ ก็ยังมีเป็นเกล็ดน้ำแข็งหยาบๆบ้าง
วันนี้เราทำ 3 สูตร คือไอศครีมถั่วแดง ไอศครีมชาเขียว และไอศครีมบลูเบอรี่ครีมชีส เราจะอธิบายแค่สูตรถั่วแดงกับบลูเบอรี่ครีมชีสนะคะ เวลาทำก็สามารถดัดแปลงเป็นไอศครีมอื่นๆได้เลยค่ะ
ไอศครีมถั่วแดงสังเกตได้ว่าเนื้อจะยังไม่ค่อยเนียนละเอียดนัก

 ส่วนประกอบไอศครีมถั่วแดง
1. นมสด  300 มิลลิลิตร
2. วิปครีม 250 มิลลิลิตร  (ถ้าชอบมันเข้มข้น ก็ใช้วิปครีมเท่ากับนมสดได้เลยค่ะ)
3. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย (ถ้าชอบหวานมากเพิ่มน้ำตาลได้อีกค่ะ)
4. เกลือนิดหน่อย
5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
6. ถั่วแดงกวน 1 ถ้วย (ปรับปริมาณได้มากน้อยตามชอบ)
 
วิธีทำไอศครีมถั่วแดง
1. ตีไข่กับน้ำตาลทรายจนเนียนเข้ากันดี

2. เติมนมสด วิปครีม น้ำตาลทรายและเกลือลงไปคนให้เข้ากัน
3. ใส่ถั่วแดงกวนลงไป คนให้ถั่วแดงกระจายไม่เกาะกันเป็นก้อน
4. เทส่วนผสมใส่ภาชนะที่มีฝาปิดนำเข้าช่องแช่แข็ง
5.เมื่อครบ 2 ชม. นำไอศครีมออกมา ใช้ส้อมขูดเนื้อไอศครีมลากเป็นเส้นยาวๆ ขูดไปเรื่อยๆจนกว่าจะครบทั่วทั้งกล่อง เสร็จแล้วปิดฝานำกลับเข้าช่องแช่แข็งเหมือนเดิม
6. ทำซ้ำแบบเดิม แต่คราวนี้ทำทุกๆ 1 หรือครึ่งชม. ทำสัก 3-4 รอบก็จะได้เนื้อไอศครีมที่เนียนละเอียดพร้อมรับประทานค่ะ

ถ้าจะทำไอศครีมชาเขียวก็แค่เปลี่ยนจากใส่ถั่วแดงเป็นใส่ผงชาเขียวแทนค่ะ ถ้าไม่มีแบบผงก็เอาใบชาชงในน้ำเปล่า(น้ำน้อยๆ)ก่อน

เราเห็นว่าไข่ไม่ได้ผ่านความร้อนก็เลยเอาส่วนผสมไปตั้งไฟอ่อนๆแป๊บนึงน่ะค่ะก่อนจะเติมวิปครีมลงไป อันที่จริงเคยเห็นบางสูตรก็จะเอาส่วนผสมตั้งไฟให้เป็นครีมก่อนแต่สูตรเหล่านั้นใช้เครื่องทำไอศครีม เราก็เลยยังไม่เคยทดลองกับกรณีแช่แข็งน่ะค่ะ
ไอศครีมบลูเบอรี่ครีมชีส

ส่วนประกอบไอศครีมบลูเบอรี่ครีมชีส
1. ครีมชีส  200 กรัม (วันนี้เราใช้โยเกิร์ตที่ทำขึ้นมาเอง เอามารีดน้ำออกจนข้นขึ้นกลายเป็นครีมค่ะ)
2. วิปครีม 150 มิลลิลิตร  (ถ้าชอบเปรี้ยวมากให้เพิ่มครีมชีส แต่ถ้าไม่ให้ลดปริมาณลงค่ะ)
3. นมข้นหวาน ครึ่งกระป๋อง
4. บลูเบอรี่ ครึ่งถ้วย
5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบให้แยมบลูเบอรี่หวานเพิ่มน้ำตาลได้ค่ะ)
6. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
 
วิธีทำไอศครีมบลูเบอรี่ครีมชีส
1. กวนแยมบลูเบอรี่ โดยใส่ บลูเบอรี่ น้ำตาล บี้ๆลูกบลูเบอรี่ให้แตกก็ดีค่ะ กวนไปจนส่วนผสมเริ่มเหนียวข้นปิดไฟทิ้งไว้ให้เย็น
2. ตีครีมชีสให้ขึ้น จะเห็นว่าเนื้อเนียนดีแล้ว เติมนมข้นหวานกับวิปครีมลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากันดี
3. เทส่วนผสมเนื้อครีมลงในภาชนะครึ่งนึง ราดแยมบลูเบอรี่ลงไป แล้วราดเนื้อครีมทับด้านบนอีกครั้ง
4. ใช้ส้อมลากไปมา เพื่อให้เกิดลายสวยงาม เสร็จแล้วปิดฝานำเข้าช่องแช่แข็งเป็นอันเสร็จค่ะ ไอศครีมชนิดนี้ไม่ต้องขูดเพราะเนื้อจะไม่เกิดเกล็ดน้ำแข็งค่ะ

วันนี้เราเผลอนอนหลับไปนานก็เลยขูดไอศครีมช้าไป เริ่มจับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งกันไปหมดแล้ว เนื้อที่ได้ก็เลยยังไม่เนียนเท่าไหร่ แต่รสชาติรับรองว่าอร่อยมาก หอมหวานมันเข้มข้นจริงๆค่ะ

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557

ทำอาหารกินเอง -- ทับทิมกรอบ กร๊อบกรอบ

เดือนเมษาเข้าหน้าร้อนอย่างจริงจังแล้ว ช่วงนี้อากาศร้อนจัดๆทำให้ไม่อยากอาหาร เมนูขนมหวานน้ำผลไม้ปั่น จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้เราดำรงชีพได้ พูดซะเว่อร์เชียวเนาะ
ถึงฤดูร้อนจะมีข้อเสีย แต่ข้อดีของมันก็คือเป็นช่วงที่มีผลไม้ออกมาขายราคาถูกๆเยอะแยะเชียวค่ะ เราล่ะะชอบจริงๆ สำหรับเดือนนี้ต้องมะม่วงมันหวานๆกินกันจนพุงกาง

เข้าเรื่องดีกว่า เมนูของหวานที่อยากนำเสนอดับร้อนวันนี้คือ......ทับทิมกรอบ เป็นขนมหวานที่ทำง่ายมาก ง่ายยิ่งกว่าบัวลอย ใช้เวลาทำก็ไม่นาน ใส่น้ำแข็งทุบลงไป หวานหอมอร่อยชื่นใจจริงๆ
ทับทิมสีชมพู แต่วันนี้ขนุนไม่ค่อยหวาน
 ส่วนประกอบ
1. แห้วต้มปอกเปลือก       (ถ้าไม่มีจะใช้มันแกวก็ได้นะคะ แต่ว่าความอร่อยจะต่างกันมากเพราะเวลาเคี้ยวแห้วจะเหนียวหนึบหนับ แต่มันแกวจะไม่มีรสสัมผัสนั้นค่ะ)
2. น้ำเชื่อม                      (สัดส่วน น้ำเปล่าหรือน้ำลอยดอกไม้ต่อน้ำตาลทรายคือ 1:1 ใส่ใบเตยตอนทำน้ำเชื่อมให้หอม)
3. กะทิคั้นเอาแต่หัว           (คั้นน้ำกะทิ โดยใช้น้ำร้อน)
4. แป้งมัน
5. สีผสมอาหารสีชมพู        (บางคนก็นิยมใช้น้ำเฮลบลูบอยสีแดง แต่เราไม่ชอบกลิ่นของมันค่ะ)
6. ขนุนฉีกเป็นเส้น มะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวกะทิ ใส่ลอยไว้ในน้ำเชื่อม
 
วิธีทำ
1. หั่นแห้วที่ต้มและปอกเปลือกแล้วออกเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆใส่ถ้วยไว้

2. ถ้าต้องการผสมสี(จริงๆจะไม่ใส่สีหรือใส่สีอื่นจากวัตถุดิบธรรมชาติก็ได้) นำสีผสมอาหารละลายน้ำ ค่อยๆหยดสีลงไปบนแห้ว ใช้มือกลับด้านแห้วไปมา หยดสีลงไปเรื่อยๆทีละน้อยจนแห้วได้สีชมพูทั่วถึงกัน
3. ผึ่งแห้วที่ผสมสีแล้วทิ้งไว้บนตะแกรงสักประมาณ 10-20 นาที เพื่อให้แห้วไม่เปียกน้ำมากเกินไป (ถ้าแห้วเปียกเวลาคลุกกับแป้งแล้วจะติดแป้งเป็นก้อนมากเกินไป)
4.นำแห้วใส่ชาม ค่อยๆโรยแป้งมันลงไปบนแห้ว ใช้มือคลุกแป้งให้ทั่ว เสร็จแล้วโรยแป้งอีกรอบ ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนแป้งติดแห้วมากเท่าที่เราต้องการ (บางคนชอบแป้งบางบางคนชอบแป้งหนาไม่เหมือนกัน ถ้าชอบแป้งบางแนะนำว่าหลังจากคลุกแป้งแล้ว ให้ร่อนแห้วในตะแกรงสักรอบเพื่อให้ฝุ่นแป้งที่เกาะหนาๆออกไป)
5. ตั้งน้ำไว้ให้เดือดพล่าน เทแห้วที่คลุกแป้งแล้วลงไป เมื่อสุกแห้วจะลอยขึ้นมาได้เป็นทับทิมกรอบ
6. ตักทับทิมกรอบใส่ลงในน้ำเย็น(แช่น้ำแข็ง) เพื่อทำให้แป้งไม่บานออก แล้วตักตัวทับทิมใส่กระชอนผึ่งให้สะเด็ดน้ำ เป็นอันเสร็จการทำตัวขนม
7. นำน้ำกะทิตั้งไฟพออุ่นๆ (ไม่ต้องให้เดือด) นำกะทิอบควันเทียนให้หอม (อบทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชม.)
8. เวลาเสิร์ฟ ให้ตักตัวทับทิมกรอบใส่ถ้วย ใส่น้ำเชื่อม ราดด้วยกะทิ โปะด้วยน้ำแข็งทุบ หอมอร่อยชื่นใจ คุ้มกับแรงที่ทำเลยล่ะค่ะ

อันที่จริงตอนวัตถุดิบไม่ครบก็ใช้อย่างอื่นแทนได้นะคะ  อย่างน้ำลอยดอกไม้เราก็ไม่มี เพราะว่าไม่กล้าใช้ดอกไม้ซื้อมาทำ กลัวยาฆ่าแมลง ถ้าจะทำเราต้องใช้มะลิปลูกเองปลอดภัยกว่า เราก็ใช้น้ำเปล่า ไม่มีมะพร้าวอ่อนก็มีแต่ขนุน อย่างถ้ากะทิไม่มีก็ใช้กะทิกล่องแทนอาจจะไม่สู้กะทิสดแต่ความหอมมันก็แทนกันได้ รับรองว่าถึงของจะไม่ครบก็ยังคงความอร่อยจริงๆค่ะ ซื้อที่ตลาดกินก็ไม่ชื่นใจเท่าฝีมือตัวเอง
ชมตัวเองตลอด 55555555