วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มือใหม่หัดปั้นบัวลอยเบญจรงค์

ด้วยความที่เราเป็นคนชอบกินขนมหวานมาก วันไหนถ้าร่างกายไม่ได้รับน้ำตาล มันเหมือนจะไม่สดชื่น ก็เลยทำให้เราจะซื้อขนมติดตู้เย็นไว้ตลอด อย่างน้อยๆก็ต้องมีช็อคโกแลตซักแท่ง แต่ถ้าไม่มีขนมอะไรกินเลย แต่มีผลไม้ก็พอแก้ความอยากได้บ้าง แต่ดึกๆก็โหยอีกอยู่ดี

ช่วงนี้เรากำลังบ้าเห่อขนมไทย ชอบกินน่ะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยทำเองเลย เคยแต่เป็นลูกมือช่วยแม่ช่วยน้าหยิบโน่นจับนี่เท่านั้นเอง กลับบ้านอาทิตย์นี้เราเลยชวนยายผู้แสนน่ารักทำขนมกินกัน นั่งคุยกันตั้งแต่เช้าจนบ่าย ได้ไอเดียทำขนมมาเยอะแยะ

วันต่อมา... ยายกับเราสองคนก็ปิ๊งไอเดียอยากทำขนมบัวลอยไว้กินกัน ที่สำคัญต้องเป็นบัวลอยไข่เต่าด้วย ไปซื้อของมาเตรียมไว้เสร็จสรรพ แต่...ดูทีท่าเหมือนว่าจะได้กินนาบกระทะอีกวัน
แม่เรายังถามว่า จะหัดทำไปทำไมขนมบัวลอย เหอๆๆ คงรู้ว่าจะไม่สำเร็จ (จริงๆแม่เราทำบัวลอยอร่อยนะ)

แต่โชคยังเข้าข้าง เมื่อน้าของเราซึ่งมีฝีมือในการทำขนมอย่างมาก มาทำธุระที่บ้านพอดีก็เลยขอให้น้าเป็นครูสอนทำขนมบัวลอยซะเลย
เราลืมคิดไปว่าจะมาโพสลงบล็อค เลยไม่ได้ถ่ายขั้นตอนการทำเอาไว้ และไม่ได้จัดใส่ถ้วยแก้วให้ดูสวยงาม มีแต่รูปจากถ้วยที่เรากินนี่แหละ ฟาดไปสองวัน วันละสามมื้อหลังอาหาร ลืมอ้วนกันเลยทีเดียว

ที่เราทำเป็นขนมบัวลอยเบญจรงค์นะคะ ก็คือมีห้าสี และเป็นบัวลอยไข่เต่า เพราะยัดไส้ถั่วลิสงคั่วลงไปด้วย

ขั้นตอนการปั้นเม็ดบัวลอย
  1. เทแป้งข้าวเหนียวลงในภาชนะใหญ่ๆ นำหัวกะทิเทลงไปผสมทีละนิดๆ เราใช้หัวกะทิเพราะจะทำให้แป้งนิ่ม นวดไปจนแป้งนิ่มได้ที่พอสำหรับปั้นเป็นเม็ด ไม่ให้แป้งเหลวหรือแข็งเกินไป
  2. ถ้าหากจะผสมสี ก็ใส่ในขั้นตอนนี้ เราใช้สีเขียว คั้นน้ำจากใบเตย สีฟ้าจากน้ำดอกอัญชัญ สีชมพูจากน้ำเฮลบลูบอย ส่วนสีเหลือง เราเอาฟักทองนึ่งมาตักเอาแต่เนื้อแล้วบดผสมลงในแป้ง   (ถ้าใครจะผสมเนื้อฟักทอง หรือเนื้อเผือกลงไป อย่าผสมเยอะนะคะ เพราะจะทำให้เหลวเกินไป ไม่มีแป้ง ใส่พอประมาณกับปริมาณแป้ง)
  3. ปั้นให้เป็ดเม็ดกลมๆ ขนาดไม่เล็กเกินไป เพราะเวลาต้มจะเละ และไม่ใหญ่เกินไปเพราะจะต้มไม่สุก 
  4. ถ้าหากจะทำบัวลอยไข่เต่า ให้คั่วถั่วลงสงรอไว้ก่อน คั่วให้สุกหอมดี แล้วเวลาปั้นเม็ดบัวลอย ก็ยัดไส้ด้วยถั่วลิสงหนึ่งซีก
ขั้นตอนการทำน้ำกะทิ

  1. ต้มหางกะทิให้เดือด เติมน้ำตาลทรายลงไป ชิมให้หวานพอชอบใจ เติมเกลือนิดหน่อย
  2. ถ้าหากจะใส่ไข่ ให้ตอกไข่ใส่ในขั้นตอนนี้
  3. เติมหัวกะทิลงไปในหม้อ พอเดือดยกลง (ถ้าใครชอบหอม ก็ใส่ใบเตยลงไป)

ตรงน้ำกะทิ จะต้องหวานมันกำลังดี ถ้ากะทิน้อยจะขาดความมัน ขนมจะไม่อร่อย

ขั้นตอนการต้มเม็ดบัวลอย

  1. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด นำเม็ดบัวลอยที่ปั้นไว้ใส่ลงไป
  2. ใช้กระชอนคนเรื่อยๆไม่ให้ติดกะทะ แล้วเมื่อเม็ดขนมลอยขึ้น แสดงว่าสุกดี ก็ใช้กระชอนตักเม็ดขนมขึ้นมา ราดด้วยน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็นหนึ่งครั้ง (ใครจะแช่น้ำเลยก็ได้) ก่อนจะนำไปเทใส่หม้อน้ำกะทิที่ทำไว้

เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้วค่ะ สำหรับบัวลอยไข่เต่า เวลากินจะได้เคี้ยวเม็ดถั่วลิสงกรุบกรอบ แล้วก็หอมกลิ่นถั่วคั่วนิดๆด้วย เพลินดี แล้วที่ตลกก็คือ เวลาเรากินเม็ดสีชมพูจะได้กลิ่นน้ำเฮลบลูบอยด้วยล่ะ
เพิ่มเติมอีกนิด
วันนี้เราทำโดยใช้แป้งข้าวเหนียว 1 ถุง กะทิคั้นแยกหัวกับหาง 1 กิโลกว่าๆ น้ำตาลทรายครึ่งกิโลกว่าๆ
สูตรนี้บอกกันแบบไม่มีหวง ลองหัดทำกันดูนะคะ ไม่ยากเลย อร่อยด้วยขี้มือตัวเอง ดีกว่าไปซื้อมากินขี้มือคนอื่นจริงมั้ยคะ ฮ่าๆๆๆ

ทิ้งท้ายด้วยบทสนทนาของเรากับยาย กว่าจะได้กิน.... - -"
เจ้ามด:     ใบเตยเยอะแยะเลย อยากทำขนมกินจัง แม่ใหญ่ เคยกินข้าวเกรียบปากหม้อที่ใส้มันเป็นกุ้ยช่ายหรือเปล่า หนูเคยกินแป้งจะบางๆ มีทั้งไส้หน่อไม้ ไส้เผือก ด้วย
ยาย:         แม่ใหญ่เคยกินที่มันเป็นไส้ถั่วนะ เอามากวนกับมะพร้าวให้หอมๆ หวานๆอร่อยดี
เจ้ามด:     แล้วบ้านเรามีหม้อที่มันคอคอด ไว้ทำแป้งข้าวเกรียบหรือเปล่า
ยาย:         เอ้อ... หม้อบ้านเราก็มี เอามาทำได้น่ะ  อยากลองทำขนมเบื้องญวณมั้ยล่ะ สูตรแม่ใหญ่ อร่อยนะ เมื่อก่อนทำขายอันละสลึง
เจ้ามด:     ใช่ไอ้ที่มันอันใหญ่ๆหรือเปล่า เค้าใช้ไข่ทำตัวขนมหรอ (จริงๆเราเคยฟังเรื่องยายทำขนมเบื้องญวณขายมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้ไปงั้นเอง)
ยาย:         นั่นแหละๆ จริงๆใช้แป้ง ผสมไข่ ถ้าใส่ไข่มากจะไม่กรอบ ไม่อร่อย ไส้นะก็ต้องกวน ฯลฯ
เจ้ามด:     นิ่งเงียบไปสักพัก เพราะยังไม่อยากกินขนมเบื้องญวณ
นั่งคั้นน้ำใบเตยรอไปเรื่อยๆ ใจก็กำลังคิดว่าจะกินขนมอะไรดี

ยาย:         ถ้าจะทำขนมง่ายๆ ก็ทำขนมเปียกอ่อน กวนๆแป๊บเดียวก็ได้กินแล้วเนี่ย กลิ่นใบเตยหอมๆ โรยมะพร้าวขูดหน่อยๆ
เจ้ามด:     ก็ดีเหมือนกันเนาะ ง่ายดี (เอาง่ายไว้ก่อน เดี๋ยวไม่สำเร็จ จะอดกิน)
ยาย:        ถ้าคั้นน้ำกะทิหอมๆนะ กินกับลอดช่องก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ
เจ้ามด:     ลอดช่องไทยน่ะหรอ เออ...หนูก็อยากกินเหมือนกันนะ หอมๆอร่อย
ยาย:        สมัยก่อนนะเค้าจะใช้ลูกมะพร้าวมาเจาะรู ใช้ทำเป็นที่กดตัวขนม เค้าเรียกกะโหลก
เจ้ามด:     อ่าวหรอ หนูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่า คำว่ากะโหลกคืออย่างนี้อ่ะ เค้าเจาะกี่รูอ่ะแม่ใหญ่
ยาย:        เค้าก็เจาะรอบๆนั่นแหละ แต่สมัยนี้เค้ามีขาย เป็นที่บีบตัวขนม ไม่มาใช้กะโหลกกันแล้ว มันทำยาก หาคนทำไม่ค่อยมี ต้องเอาเหล็กเผาไฟ มาจี้ให้เป็นรู
เจ้ามด:     เหอะๆๆ ถ้ามันทำยาก หนูว่าเราอย่าเพิ่งทำกันเลยดีกว่า

นั่งเงียบๆกัน จนเวลาผ่านไปสักพัก
ยาย:        หิวแล้ว ไม่มีของหวานๆอะไรเลย ทำนาบกระทะกินกันเหอะ ง่ายดีเร็วด้วย กล้วยสุกบ้านเรามีหลายลูก
สุดท้ายก็ได้กิน ขนมนาบกระทะ เหอๆๆ